ปลูกอ้อย 1 ไร่ ใช้อ้อยกี่ตัน เลือกอ้อยพันธุ์ไหนได้ผลผลิตคุ้ม
ปลูกอ้อย 1 ไร่ ต้องใช้พันธุ์อ้อยกี่ตัน และเลือกอ้อยพันธุ์ไหนดีถึงได้ผลผลิตคุ้ม
พี่น้องเกษตรกรมือใหม่หลายท่านที่กำลังวางแผนปลูกอ้อย อาจเกิดคำถามว่า หากจะปลูกอ้อยสัก 1 ไร่ ต้องเตรียมพันธุ์อ้อยกี่ตันจึงจะเพียงพอ? และจะเลือกปลูกพันธุ์ไหนดีถึงจะให้ผลผลิตคุ้มค่า ลงทุนน้อยแต่ได้ผลตอบแทนดี อ้อยเป็นพืชเศรษฐกิจที่ปลูกแล้วสร้างรายได้มั่นคง แต่หากเริ่มต้นผิดพลาด เช่น ใช้พันธุ์ไม่เหมาะสม หรือคำนวณปริมาณพันธุ์อ้อยผิด อาจทำให้ต้นทุนบานปลายและผลผลิตต่ำกว่าที่หวังไว้
บทความนี้จะพาพี่น้องเกษตรกรไปหาคำตอบ พร้อมแนะนำพันธุ์อ้อยยอดนิยมที่ให้ผลผลิตสูง ทนแล้งดี และเหมาะกับพื้นที่เพาะปลูกในแต่ละพื้นที่ในประเทศไทย
ปลูกอ้อย 1 ไร่ ใช้พันธุ์อ้อยกี่ตันถึงจะพอดี?
ก่อนตัดสินใจซื้อท่อนพันธุ์อ้อย ต้องเข้าใจก่อนว่าปัจจัยหลายอย่างส่งผลต่อปริมาณที่ต้องใช้ เช่น ลักษณะพันธุ์อ้อย ระยะปลูก ความยาวท่อนพันธุ์ และจำนวนตาในแต่ละท่อน หากเข้าใจเรื่องเหล่านี้ จะช่วยคุมต้นทุนและเพิ่มผลผลิตได้ในระยะยาว
ปริมาณท่อนพันธุ์ที่ใช้ปลูกต่อไร่
โดยทั่วไป การปลูกอ้อย 1 ไร่ ใช้ท่อนพันธุ์เฉลี่ยประมาณ 1.2 - 1.5 ตัน ขึ้นอยู่กับ
- ความยาวของท่อนพันธุ์
- จำนวนตาในแต่ละท่อน
- ระยะปลูก
ถ้าปลูกชิดเกินไปจะใช้ท่อนพันธุ์มากขึ้น แต่ก็อาจแย่งอาหารกัน จึงควรวางระยะปลูกให้เหมาะสม เพื่อให้เจริญเติบโตดีและให้ผลผลิตคุ้มที่สุด
ปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณการใช้พันธุ์อ้อย
ปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณการใช้พันธุ์อ้อย ได้แก่ ลักษณะพันธุ์อ้อย ดิน ปริมาณน้ำ ฝน และฤดูกาล ซึ่งรวมไปถึงระบบการปลูกต่าง ๆ ด้วย เช่น แถวปลูกอ้อย หรือการใช้เครื่องมือจักรกลการเกษตรเสริมในการปลูก
ลักษณะพันธุ์อ้อยนั้นสามารถส่งผลต่อปริมาณในการปลูกอ้อยได้ ซึ่งจะมีทั้งพันธุ์อ้อยโตเร็ว และพันธุ์อ้อยโตช้า หากพี่น้องชาวเกษตรเลือกพันธุ์อ้อยโตเร็วก็อาจจะลดปริมาณท่อนพันธุ์ได้ เพื่อจัดวางระยะปลูกให้เหมาะสมกับแต่ละพันธุ์ และมีโอกาสเก็บเกี่ยวผลผลิตส่งขาย ปลูกอ้อยส่งโรงงานได้เร็วกว่าคู่แข่งนั่นเอง
ในส่วนของสภาพดินและฤดูกาลยิ่งมีผลต่อการปลูกอ้อยอย่างแน่นอน และเป็นเรื่องหนักใจของพี่น้องชาวเกษตรกรหลาย ๆ คนอีกด้วย เพราะในช่วงฤดูแล้ง อ้อยมีโอกาสสูญเสียผลผลิตได้มากจากปริมาณน้ำที่ไม่เพียงพอ ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาอ้อยขาดน้ำ อาจเลือกใช้วิธีระบบน้ำหยดเพื่อเพิ่มความชื้นในดินให้กับอ้อย รวมถึงเลือกพันธุ์อ้อยทนแล้งมาปลูกก็จะช่วยได้มาก
เทคนิคประหยัดพันธุ์อ้อย แต่ยังได้ผลผลิตดี
หากพี่น้องเกษตรกรอยากลดต้นทุนปลูกอ้อยแต่ยังได้ผลผลิตคุ้มค่า กำไรงาม ๆ มีเทคนิควิธีที่จะช่วยเพิ่มปริมาณผลผลิตได้ โดยให้คำนึงถึงจำนวนตาอ้อย คุณภาพท่อนพันธุ์ และการเตรียมดิน
อ้อยที่ปลูกได้ดีนั้นควรเลือกท่อนพันธุ์อ้อยที่มีตาเดียวและคุณภาพดีเท่านั้น โดยท่อนพันธุ์ที่เหมาะสำหรับปลูกควรลำตรง ยาว ปลอดโรค ไม่มีใบไหม้หรือจุดด่าง และไม่มีแมลงกัดกิน หากพบท่อนพันธุ์ที่มีปัญหา ควรแยกออกทันที เพื่อลดความเสี่ยงโรคใบไหม้และปัญหาศัตรูพืชในแปลงอ้อย
ดินที่ดีก็มีผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของอ้อย เกษตรกรควรเริ่มตั้งแต่ปรับปรุงโครงสร้างดินให้เหมาะกับการปลูก เช่น ใช้ผานสับกลบตอซัง กำจัดวัชพืชก่อนปลูก และระหว่างการเจริญเติบโตก็ควรควบคุมวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้แย่งอาหารอ้อย โดยอาจใช้ซี่คราดสปริงช่วยลดแรงงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการแปลงอ้อย
อ่านบทความที่น่าสนใจ: เทคนิคเตรียมดินปลูกอ้อยข้ามแล้งฉบับเกษตรกรตัวจริง ผลผลิต 30 ตันต่อไร่ไม่ไกลเกินเอื้อม
เลือกพันธุ์อ้อยยังไงให้ได้ผลผลิตดี คุ้มค่าทุกไร่
เลือกพันธุ์อ้อยพันธ์ไหนดี? อ้อยพันธุ์ไหนดีที่สุด? น่าจะเป็นคำถามที่พี่น้องเกษตรกรหลาย ๆ คนต้องการคำตอบ มาดูกันว่าเราจะมีวิธีเลือกพันธุ์อ้อยยังไงได้บ้างให้ได้ผลผลิตเยอะ อ้อยหวาน และทน ไม่ตายง่าย
เลือกพันธุ์อ้อยให้เหมาะกับพื้นที่ปลูก
เริ่มจากตรวจสอบสภาพดินในไร่ก่อนว่าดินเป็นแบบไหน? ดินร่วน ดินเหนียว ดินทราย หรือดินเค็ม เพราะพันธุ์อ้อยแต่ละชนิดเหมาะกับดินต่างกัน หากเป็นดินเค็ม อ้อยอาจโตช้า แคระแกร็น ควรหลีกเลี่ยงหรือปรับปรุงดินก่อนปลูก
สามารถส่งตัวอย่างดินไปตรวจวิเคราะห์ได้ที่ สำนักวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาที่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
นอกจากนี้ ควรพิจารณาด้วยว่าพื้นที่เป็นไร่ชลประทานหรือไร่ฝน เพื่อเลือกพันธุ์อ้อยที่ใช้น้ำน้อยหรือทนแล้งได้ดี ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสได้ผลผลิตสูงในแต่ละฤดูกาล
เลือกพันธุ์อ้อยให้ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้งาน
จุดประสงค์ในการปลูกอ้อยมีผลต่อการเลือกพันธุ์โดยตรง หากปลูกเพื่อขายโรงงานน้ำตาล ควรเลือกพันธุ์ที่ให้ความหวานสูง แต่ถ้าปลูกเพื่อผลิตเอทานอลหรืออาหารสัตว์ ควรเลือกพันธุ์ที่ปลูกง่าย โตเร็ว และให้ผลผลิตได้ต่อเนื่องหลายปี การเลือกให้ตรงกับเป้าหมายจะช่วยให้ได้ผลตอบแทนคุ้มค่ามากขึ้น
เลือกพันธุ์อ้อยที่ทนแล้ง ต้านโรค โตเร็ว
สภาพอากาศในประเทศไทยร้อนจัด โดยเฉพาะช่วงหน้าแล้งที่อ้อยมักชะงักการเจริญเติบโตหรือยืนต้นตาย การเลือกพันธุ์อ้อยที่ทนแล้งจึงช่วยลดความเสี่ยงเรื่องผลผลิต แถมยังช่วยป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืชได้ดีขึ้น ยิ่งถ้าเป็นพันธุ์ที่โตเร็วและแข็งแรง ก็ยิ่งทำให้ดูแลง่ายและเก็บเกี่ยวได้ไว
แนะนำพันธุ์อ้อยยอดนิยมที่เกษตรกรไทยเลือกปลูก
ปัจจุบันมีพันธุ์อ้อยที่เกษตรกรนิยมปลูกอยู่ประมาณ 5 สายพันธุ์ ซึ่งแต่ละพันธุ์มีจุดเด่นเฉพาะตัว และให้ผลผลิตที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และสภาพพื้นที่ปลูก ดังนี้
พันธุ์อู่ทอง 11 (UT 11) โตเร็ว ให้ความหวานสูง เหมาะสำหรับพื้นที่ชลประทาน
สายพันธุ์ยอดนิยมในภาคกลาง เหมาะกับพื้นที่ที่มีน้ำเพียงพอ เช่น เขตชลประทาน
- ระยะปลูกประมาณ 12 เดือน
- ให้ปริมาณน้ำตาลสูง
- เหมาะสำหรับปลูกเพื่อส่งโรงงานผลิตน้ำตาล
พันธุ์อู่ทอง 12 (UT 12) ทนแล้งดี ลำต้นแข็งแรง เหมาะกับไร่ฝน
ตอบโจทย์เกษตรกรในพื้นที่แห้งแล้ง โดยเฉพาะทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- ปลูกในไร่ฝนได้ดี ไม่ต้องพึ่งระบบน้ำมาก
- ลำต้นแข็งแรง ไม่ล้มง่าย
- ทนแล้ง ไม่ตายง่ายช่วงหน้าแล้ง
พันธุ์ K 88-92 ปลูกง่าย ให้ผลดีหลายปี ลดต้นทุนระยะยาว
เหมาะกับเกษตรกรทุกระดับ ไม่ว่าจะรายย่อยหรือรายใหญ่
- ปลูกได้กับดินหลากหลายประเภท
- อายุการให้ผลผลิตยาวหลายปี
- ลดความถี่ในการซื้อพันธุ์ใหม่ ประหยัดต้นทุน
พันธุ์ LK 92-11 เหมาะกับการปลูกแบบอินทรีย์ ต้านโรคและแมลงได้ดี
ทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการลดการใช้สารเคมีในแปลงอ้อย
- ทนโรค และแมลงศัตรูพืชได้ดี
- ให้ผลผลิตต่อเนื่องหลายรอบปลูก
- เหมาะสำหรับทำอ้อยอินทรีย์หรืออ้อยปลอดสาร
พันธุ์ F 140 ปลูกในดินเค็มหรือพื้นที่ลุ่มได้ ให้ความหวานสูง
เหมาะกับพื้นที่ที่ดินไม่อุดมสมบูรณ์ เช่น ดินเค็มหรือลุ่มต่ำ
- ให้ความหวานสูง แม้ในดินเค็ม
- ควรมีระบบน้ำช่วยเสริมเพื่อเพิ่มอัตราการเจริญเติบโต
- เหมาะสำหรับปลูกส่งโรงงานผลิตน้ำอ้อยและน้ำตาล
ปลูกอ้อย 1 ไร่ให้คุ้ม เริ่มต้นที่การวางแผนที่ดี
การปลูกอ้อยให้ได้ผลผลิตคุ้มค่า ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับปริมาณท่อนพันธุ์ที่ใช้ แต่ต้องวางแผนให้ครอบคลุมตั้งแต่การเลือกพันธุ์ให้เหมาะกับสภาพดินและวัตถุประสงค์ในการปลูก ไปจนถึงการเตรียมแปลงและดูแลในระหว่างการเจริญเติบโต
นอกจากนี้แล้วการเตรียมดินทั้งก่อน-หลัง รวมถึงระหว่างการปลูกอ้อยก็สำคัญไม่แพ้การเลือกใช้พันธุ์อ้อยเลยทีเดียว เพราะอย่าลืมว่าถ้าดินดี อ้อยของพี่น้องเกษตรกรก็จะให้ผลผลิตงอกงามมากขึ้น โดยอาจเลือกใช้เครื่องจักรกลการเกษตรในการช่วยเตรียมดิน หรือจัดการงานเกษตรต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
CMT ตัวจริงเรื่องเครื่องมือเกษตร พร้อมเป็นพลังให้เกษตรกรไทย ไม่ว่าพี่น้องเกษตรกรจะมองหาผานยกร่อง ผานสับกลบ หรือซี่คราดสปริง เรามีเครื่องมือคุณภาพหลากหลายที่ออกแบบด้วยความใส่ใจ แข็งแรงทนทานจากเหล็กโบรอนคุณภาพสูง ตอบโจทย์ทุกสภาพดินและใช้งานได้จริง พร้อมเคียงข้างเกษตรกรไทย
สนใจผลิตภัณฑ์ ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทาง
- CMT Thailand เบอร์ +66 38 273 250 to 7
- Facebook Page: Cmt ชลบุรีเมืองทอง ไถดีที่สุด -เพจหลักเพจเดียว
- สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน LINE Official @cmt1955