คู่มือเกษตรยั่งยืน ปลูกพืชผลผลิตคุณภาพ แต่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
คู่มือเกษตรยั่งยืน: ปลูกพืชอย่างรับผิดชอบ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เกษตรกรรม ถือเป็นอาชีพหลักของประชากรส่วนใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งการทำให้การเกษตรไทยสามารถยืนสู้กับคู่แข่งในระดับสากลได้ คือ การทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ด้วยการทำการเกษตรที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน
แต่เนื่องจากปัญหาที่พบได้บ่อย ๆ ในการทำเกษตรกรรมปัจจุบันนั้น คือ ปริมาณสารเคมีที่เพิ่มมากขึ้น น้ำเสีย และดินเสื่อม ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลให้ผลผลิตของพี่น้องเกษตรกรนั้นไม่ได้คุณภาพเท่าที่ควร และอาจทำให้ราคาส่งขายตกต่ำ รายได้ของพี่น้องเกษตรกรก็จะลดลง ซ้ำยังเป็นการเกษตรที่ทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้พืชของเราเจริญเติบโตด้วยเช่นกัน
บทความนี้ CMT จะชวนพี่น้องเกษตรกรทุกท่านมาทำความรู้จักกับ เกษตรยั่งยืน พร้อมกับแนะนำคู่มือการปรับตัวเข้าสู่เกษตรยุคใหม่แบบง่าย ๆ ที่เชื่อว่าพี่น้องเกษตรกรสามารถทำตามได้อย่างแน่นอน
เกษตรยั่งยืนคืออะไร?
พี่น้องเกษตรกรหลายท่านอาจจะตั้งคำถามว่า เกษตรยั่งยืนคืออะไร? แล้วทำไมถึงควรปรับตัวเข้าสู่เกษตรยุคใหม่ หรือเกษตร 4.0 นี้ ซึ่งเกษตรยั่งยืน คือการทำเกษตรกรรมที่ให้ผลผลิตคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการในปัจจุบัน แต่ ไม่ได้ทำลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกษตรและอนาคตทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านสังคม
อย่างที่ได้เกริ่นไปช่วงต้นแล้วว่า ปัญหาที่พบเจอจากการเกษตรในปัจจุบันนั้นมาจาก การใช้สารเคมี ซึ่งเข้าใจว่าหากแมลงศัตรูพืช โรคพืชต่าง ๆ หรือแม้แต่วัชพืชจะทำลายพืชผลในไร่ของพี่น้องเกษตรกร แต่การใช้สารเคมีนั้นเป็นการแก้ปัญหา เพียงชั่วคราว เท่านั้น แต่สารเคมีที่ใช้จะตกค้างอยู่ในดิน รวมถึงอยู่ในผลผลิตที่จะถูกนำไปแปรรูปกลายเป็นสินค้าเพื่อการบริโภคด้วย
ซึ่งการที่มีสารเคมีตกค้างอยู่ในผลผลิต ดิน และอากาศ แน่นอนว่าต้องส่งผลกระทบต่อมนุษย์เราโดยตรงในหลากหลายด้าน พี่น้องเกษตรกรที่สูดดม หรือสัมผัสสารเคมีอยู่บ่อย ๆ เป็นประจำ ก็อาจก่อให้เกิดโรคทางสุขภาพ ส่วนผลผลิตที่ได้รับสารเคมี ก็จะไม่ได้คุณภาพเท่าที่ควร เมื่อผลผลิตไม่ได้คุณภาพ ราคาก็จะตก ส่งผลให้เกษตรกรชาวไทยไม่ได้รับค่าแรงที่คุ้มค่า หรือไม่พอสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีคุณภาพนั่นเอง
ดังนั้น เกษตรยั่งยืน จึงเป็นแนวคิดที่จะพัฒนาการเกษตรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ทำลายอนาคตของเกษตรกร และยังเป็นเกษตรเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ช่วยให้ธรรมชาติฟื้นตัว ผู้บริโภคปลอดภัย และเป็นการปรับเปลี่ยนให้อาชีพเกษตรกรนั้นมั่นคงอย่างแท้จริง
หลักการสำคัญของเกษตรยั่งยืน
หากพี่น้องเกษตรกรเริ่มสนใจการทำเกษตรยั่งยืนกันแล้ว เรามาดู หลักการสำคัญ ของเกษตรยั่งยืนกันว่าจะมีอะไรบ้าง
1. ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
โดยปกติแล้ว การทำการเกษตรจะมี 3 ปัจจัยหลัก ๆ ที่ต้องใช้เพื่อให้พืชเจริญเติบโต ได้แก่ น้ำ ปุ๋ย และพลังงาน ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว น้ำและปุ๋ย จะเป็นปัจจัยที่ถูกใช้มากเกินจำเป็น ทำให้สิ้นเปลืองทรัพยากร และไม่ได้ช่วยเพิ่มผลผลิตมากนัก
ซึ่งการแก้ปัญหาไม่ให้ใช้น้ำและปุ๋ยมากเกินความจำเป็น คือการ วางแผนการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับฤดูกาล วางแผนการใช้น้ำที่เหมาะกับความต้องการของพืช ในระดับที่พอดี คำนวณการใช้ปุ๋ย และใช้ อุปกรณ์ทุ่นแรง เพื่อให้พ่นปุ๋ยได้ทั่วถึงมากขึ้นโดยไม่สิ้นเปลือง เช่น เครื่องพ่นยาติดรถไถ จาก CMT ที่มีระยะการพ่นปุ๋ยรอบทิศ ช่วยให้พืชได้รับปุ๋ยอย่างทั่วถึงมากขึ้น ประหยัดเวลาการดูแลไร่สวนของพี่น้องเกษตรกรอีกด้วย
2. ลดการใช้สารเคมี
ท่องไว้ว่า เกษตรยั่งยืน คือ เกษตรปลอดสาร ดังนั้นพี่น้องเกษตรกรต้องลดการใช้สารเคมี โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยคอกแทนปุ๋ยเคมี และใช้สารชีวภัณฑ์ในการกำจัดแมลง
ซึ่งสารชีวภัณฑ์นั้นก็สามารถกำจัดศัตรูพืชได้ดีไม่แพ้สารเคมี เพียงแต่ต้องอาศัยความใส่ใจและความสม่ำเสมอ แต่ถ้าหากพี่น้องเกษตรกรหันมาใช้สารชีวภัณฑ์ จะเป็นการควบคุมศัตรูพืชตั้งแต่ต้นน้ำ ช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
3. รักษาความสมดุลของดิน
เพื่อให้ดินมีความสมดุลดี เหมาะสำหรับการเพาะปลูกอยู่เสมอ พี่น้องเกษตรกรควร ปลูกพืชหมุนเวียน เพื่อให้ดินมีธาตุอาหารที่หลากหลายมากขึ้น เสริมด้วยปุ๋ยพืชสด หรือใช้ฟางข้าวคลุมดิน เพื่อให้ดินยังคงรักษาอินทรียวัตถุที่ดีต่อพืชได้
4. สร้างความหลากหลายทางชีวภาพ
การปลูกพืชหลายชนิดในแปลงเดียว (Agroforestry) จะช่วยสร้างความหลากหลายทางชีวภาพให้กับดินได้ เพราะจะมีทั้งพืชที่บำรุงดิน พืชที่ทนต่อแมลง และพืชเศรษฐกิจที่เป็นรายได้หลักของพี่น้องเกษตรกร เรียกได้ว่าเป็นการเพาะปลูกที่จะนำไปสู่เกษตรยุคใหม่อย่างแท้จริง
เทคนิคเกษตรยั่งยืน ที่พี่น้องเกษตรกรทำตามได้จริง!
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ทุกสิ่งย่อมต้องการปรับตัว งานเกษตรก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าเกษตรยั่งยืนอาจดูเป็นไปได้ยาก แต่พี่น้องเกษตรกรสามารถเริ่มต้นจากก้าวเล็ก ๆ ได้ ด้วยเทคนิคดังต่อไปนี้
1. ปลูกพืชหมุนเวียน
การปลูกพืชหมุนเวียน เป็นวิธีที่ช่วยรักษาดินไม่ให้เสื่อม และยังช่วย ลดการระบาดของโรคพืช เพราะการเปลี่ยนชนิดพืชที่ปลูก จะเป็นการตัดวงจรของโรคพืชที่แพร่กระจายได้ดีในพืชชนิดนั้น ๆ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาฝันร้ายของเกษตรกรที่ไม่มีใครอยากเจอได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. การทำเกษตรอินทรีย์
ในการทำเกษตรยั่งยืน พี่น้องเกษตรกรสามารถเริ่มด้วยการหันมาใช้วัตถุดิบที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยคอก ลดการใช้สารเคมี เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพ ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และเพิ่มราคาขายได้
3. จัดการน้ำอย่างชาญฉลาด
น้ำ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พืชเจริญเติบโต แต่การใช้มากจนเกินความจำเป็นก็อาจทำให้สิ้นเปลืองทรัพยากรได้ ด้วยเหตุนี้ พื้นที่เกษตรหลาย ๆ แห่งจึงเริ่มใช้ ระบบน้ำหยด ในการจัดการน้ำ ซึ่งก็มีวิธีการทำระบบน้ำหยดแบบประหยัดสำหรับพี่น้องเกษตรกรที่ไม่ได้มีพื้นที่ไร่ขนาดใหญ่มาก หรืออีกวิธีคือรองน้ำฝนเอาไว้ใช้ ก็ช่วยให้ประหยัดทรัพยากรน้ำได้เช่นกัน
อ่านบทความน่าสนใจเพิ่มเติม : เทคนิคการใช้น้ำหยดให้อ้อยงามในหน้าแล้ง เพิ่มผลผลิตเต็มไร่
4. การใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์รถแทรกเตอร์อย่างเหมาะสม
การใช้ อุปกรณ์ต่อพ่วงรถไถ ซึ่งเป็นเครื่องจักรกลทางการเกษตรมาช่วยทุ่นแรง จะทำให้การทำการเกษตรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ทำงานได้รวดเร็ว ประหยัดเวลา แต่ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งถือเป็นแนวคิดหลัก ๆ ของเกษตรยั่งยืนเลยทีเดียว
แต่ในการเลือกใช้เครื่องจักรการเกษตร ก็ควรเลือกให้เหมาะสมด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นขนาดแรงม้ารถไถที่เหมาะสม อัตราการประหยัดพลังงาน เพื่อไม่ให้รถไถทำงานหนัก และสร้างประสิทธิภาพในการเพาะปลูกอย่างแท้จริง
อ่านบทความน่าสนใจเพิ่มเติม : ลงทุนอุปกรณ์แทรกเตอร์อย่างไร ให้คุ้มค่ากับพื้นที่ไร่แต่ละขนาด
ประโยชน์ของการทำเกษตรยั่งยืน
การทำเกษตรยั่งยืนนั้นส่งผลดีในหลากหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีประโยชน์ข้อดีดังนี้
- เกษตรกรมีรายได้มั่นคงขึ้น จากการขายผลผลิตปลอดสาร คุณภาพดี
- ผู้บริโภคได้อาหารปลอดภัย ปลอดสารเคมีจากยาฆ่าแมลง
- สิ่งแวดล้อมได้รับการฟื้นฟู เพราะปริมาณสารเคมีในบรรยากาศลดลง ลดการใช้ทรัพยากรน้ำ และใช้พลังงานอย่างเหมาะสมมากขึ้น
- ลดผลกระทบโลกร้อน เกิดเป็นความยั่งยืนระยะยาว
เกษตรยั่งยืน คือเกษตรเพื่อสิ่งแวดล้อม สร้างผลผลิตอย่างยั่งยืนและมั่นคง
เกษตรยั่งยืน เป็นแนวคิดที่พี่น้องเกษตรกรสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มปลูกพืชหมุนเวียน การเปลี่ยนมาใช้สารชีวภัณฑ์แทนสารเคมี การทำระบบน้ำเพื่อจัดการปริมาณการใช้น้ำ และการใช้เครื่องจักรช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของงานเกษตร ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้การเกษตรของพี่น้องเติบโต สร้างรายได้อย่างมั่นคงยั่งยืน และเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมให้อยู่เคียงคู่โลกของเราไปนาน ๆ
CMT Thailand มุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกร และคุณภาพผลผลิต ด้วยการพัฒนาอุปกรณ์ เครื่องจักรกลการเกษตรที่มีประสิทธิภาพ พร้อมลุยงานโดยสนับสนุนแนวคิดเกษตรยั่งยืน ให้พี่น้องเกษตรกรชาวไทยสามารถยืนในตลาดได้อย่างมั่นคง และพร้อมสู่การแข่งขันในตลาดโลก
สนใจผลิตภัณฑ์ ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทาง
- CMT Thailand เบอร์ +66 38 273 250 to 7
- Facebook Page: Cmt ชลบุรีเมืองทอง ไถดีที่สุด -เพจหลักเพจเดียว
- สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน LINE Official @cmt1955
คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับเกษตรยั่งยืน (FAQs)
รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเกษตรยั่งยืน สำหรับพี่น้องเกษตรกรท่านไหนที่ยังอาจมีข้อสงสัยอยู่ มาดูกันเลยว่าจะมีคำถามอะไรบ้าง
Q: เกษตรยั่งยืน ต่างจากเกษตรอินทรีย์อย่างไร?
A: เกษตรอินทรีย์ เป็นการทำเกษตรที่เน้นปลอดสารเคมี ในขณะที่เกษตรยั่งยืนเน้นเพิ่มความสมดุลทั้งในด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม
Q: เกษตรกรรายย่อยสามารถทำเกษตรยั่งยืนได้ไหม?
A: พี่น้องเกษตรกรรายย่อยสามารถทำเกษตรยั่งยืน ได้แน่นอน เพราะหลาย ๆ เทคนิค เช่น ปลูกพืชหมุนเวียน ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ไม่จำเป็นต้องลงทุนสูง อาศัยการค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนแต่ยั่งยืน
Q: เกษตรยั่งยืนช่วยลดต้นทุนจริงหรือไม่?
A: เกษตรยั่งยืนจะเป็นการลดการพึ่งพาสารเคมี ส่งผลให้ลดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว เพิ่มคุณภาพและความคุ้มค่าในการลงทุนลงแรง
Q: ต้องใช้เวลานานแค่ไหนจึงเห็นผลจากการทำเกษตรยั่งยืน?
A: โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ภายใน 1-2 ฤดูกาลปลูกพืช เช่น สังเกตว่าดินมีคุณภาพดีขึ้น ต้นทุนลดลง ซึ่งแน่นอนว่าจะให้ผลลัพธ์ระยะยาว คือ ดินและน้ำมี ความสมบูรณ์ มากขึ้น
Q: เกษตรยั่งยืนช่วยสิ่งแวดล้อมอย่างไร?
A: การทำเกษตรยั่งยืนจะช่วย ลดสารเคมีตกค้าง ในดินและผลผลิต ป้องกันดินเสื่อม ฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในดิน และ ลดก๊าซเรือนกระจก ในชั้นบรรยากาศได้